ถ้ารถยนต์เสียกลางถนนรับรอง เราจะได้บทเรียนใตามนี้
สำหรับเรื่องของรถยนต์นั้นเราก็ต้องดูด้วยว่า ประกันรถยนต์ที่ไหนดี เพราะการที่เราจะทำ ประกันรถยนต์ ที่ไหนสักแห่งนั้น เราก็อยากที่จะมั่นใจว่า เราจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องที่เราจะ เช็คประกันรถยนต์ นั้นเราก็ควรที่จะ เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ด้วย เพราะว่ามันจะทำให้ไปสอดคล้องในเรื่องของความคุ้มครองของประกันภัยในแต่ละชั้นนั่นเองโดย ประกัน ชั้น 3 นั้นก็จะมีค่าเบี้ยที่ถูกสุด ส่วนประกันชั้น 1 ก็จะเสียค่าเบี้ยแพงที่สุดนั่นเอง และสำหรับในวันนี้นั้นถ้าหากว่าใครที่เคยรถยนต์เสียกลางทางนั้น เรารับรองว่าจะได้รับบทเรียนแบบนี้อย่างแน่นอน
1. เรื่องของการอย่าลืมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเบรก ซึ่งเรานั้นควรที่จะเปลี่ยนตามระยะที่บริษัทรถยนต์แนะนำมา เพราะถ้านานกว่านี้นั้นมันอาจจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ของเราได้ รวมไปถึงอัตราเร่งของตัวรถ ตลอดจนระบบไฟต่าง ๆ ของตัวรถได้อีกด้วย โดยเรานั้นอาจจะสังเกตจากการนับเลขไมล์ ตามจำนวนระยะทางที่ควรเปลี่ยนตามที่คู่มือบอกไว้แล้ว เรายังสามารถสังเกตได้จากระดับน้ำมันเครื่อง และสีของน้ำมันเครื่องได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากว่าเครื่องยนต์เริ่มออกอาการแล้วมันก็จะสามารถดูได้จากอาการเสียงดังที่ผิดปกติออกมาจากตัวเครื่อง รวมถึงอาการสั่นเล็กน้อยด้วย
2. เรื่องของการเช็คระยะ เช็คลมยางให้เป็นนิสัย โดยเรานั้นควรที่จะเช็คเป็นประจำเดือนละ 2 ครั้ง และถ้าหากว่าเราต้องเดินทางไกลในครั้งใดนั้นก็ควรที่จะดูให้เรียบร้อย และในส่วนของลมยางนั้นเราก็ควรที่จะทำการปรับแรงดันในล้อให้เหมาะสม เพราะมันจะช่วยชะลอการสึกหรอที่จะเกิดขึ้นกับยาง เพิ่มความนุ่มนวลและประสิทธิภาพขณะขับขี่ ทั้งยังช่วยลดการกินน้ำมันของรถโดยไม่จำเป็นได้อีกด้วยนั่นเอง
3. เรื่องของการมีช่องทางติดต่อสะดวกตลอดเวลา เพราะถ้าหากว่าเรานั้นเกิดอุบัติเหตุหรือรถยนต์เสียกลางทางนั้นการมีเบอร์ฉุกเฉินเอาไว้มันก็จะช่วยทำให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้นั่นเอง ซึ่งเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินที่เราควรรู้เมื่อรถเสียกลางทางนั้นก็อย่างเช่น
- ตำรวจทางหลวง 1193
- สายด่วนกรมทางหลวง 1586
- ตำรวจท่องเที่ยว 1155
- ศูนย์นเรนทร 1669
- ศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ 24 ชม. 0-2751-0951-3
- ศูนย์ควบคุมระบบการจราจรบนทางด่วน 1543
- ศูนย์จราจรอุบัติเหตุ จส.100 1137
4. เรื่องของการมีของกินติดรถไว้บ้าง โดยเฉพาะน้ำดื่ม ไม่ว่าจะเป็นของกินแก้ง่วง เช่น ลูกอม เมล็ดทานตะวัน ช็อกโกแล็ต ผลไม้อบแห้ง หรือของขบเคี้ยวต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่รถยนต์ของเราจะได้รับการแก้ไข ฉะนั้นระยะเวลารอเราก็ควรที่จะมีอะไรกินพอให้คลายความหิว แก้ง่วงไปได้บ้าง
5. เรื่องของการทำประกันรถยนต์ที่มีบริการในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน เพราะถ้ารถยนต์เราเสียขึ้นมาแล้วเราสามารถที่จะโทรศัพท์ไปที่บริษัทประกันของเราได้เลย แล้วหลังจากนั้นก็เป็นในหน้าที่ของบริษัทประกันที่จะมาให้ความช่วยเหลือเรานั่นเอง
1. เรื่องของการอย่าลืมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเบรก ซึ่งเรานั้นควรที่จะเปลี่ยนตามระยะที่บริษัทรถยนต์แนะนำมา เพราะถ้านานกว่านี้นั้นมันอาจจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ของเราได้ รวมไปถึงอัตราเร่งของตัวรถ ตลอดจนระบบไฟต่าง ๆ ของตัวรถได้อีกด้วย โดยเรานั้นอาจจะสังเกตจากการนับเลขไมล์ ตามจำนวนระยะทางที่ควรเปลี่ยนตามที่คู่มือบอกไว้แล้ว เรายังสามารถสังเกตได้จากระดับน้ำมันเครื่อง และสีของน้ำมันเครื่องได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากว่าเครื่องยนต์เริ่มออกอาการแล้วมันก็จะสามารถดูได้จากอาการเสียงดังที่ผิดปกติออกมาจากตัวเครื่อง รวมถึงอาการสั่นเล็กน้อยด้วย
2. เรื่องของการเช็คระยะ เช็คลมยางให้เป็นนิสัย โดยเรานั้นควรที่จะเช็คเป็นประจำเดือนละ 2 ครั้ง และถ้าหากว่าเราต้องเดินทางไกลในครั้งใดนั้นก็ควรที่จะดูให้เรียบร้อย และในส่วนของลมยางนั้นเราก็ควรที่จะทำการปรับแรงดันในล้อให้เหมาะสม เพราะมันจะช่วยชะลอการสึกหรอที่จะเกิดขึ้นกับยาง เพิ่มความนุ่มนวลและประสิทธิภาพขณะขับขี่ ทั้งยังช่วยลดการกินน้ำมันของรถโดยไม่จำเป็นได้อีกด้วยนั่นเอง
3. เรื่องของการมีช่องทางติดต่อสะดวกตลอดเวลา เพราะถ้าหากว่าเรานั้นเกิดอุบัติเหตุหรือรถยนต์เสียกลางทางนั้นการมีเบอร์ฉุกเฉินเอาไว้มันก็จะช่วยทำให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้นั่นเอง ซึ่งเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินที่เราควรรู้เมื่อรถเสียกลางทางนั้นก็อย่างเช่น
- ตำรวจทางหลวง 1193
- สายด่วนกรมทางหลวง 1586
- ตำรวจท่องเที่ยว 1155
- ศูนย์นเรนทร 1669
- ศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ 24 ชม. 0-2751-0951-3
- ศูนย์ควบคุมระบบการจราจรบนทางด่วน 1543
- ศูนย์จราจรอุบัติเหตุ จส.100 1137
4. เรื่องของการมีของกินติดรถไว้บ้าง โดยเฉพาะน้ำดื่ม ไม่ว่าจะเป็นของกินแก้ง่วง เช่น ลูกอม เมล็ดทานตะวัน ช็อกโกแล็ต ผลไม้อบแห้ง หรือของขบเคี้ยวต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่รถยนต์ของเราจะได้รับการแก้ไข ฉะนั้นระยะเวลารอเราก็ควรที่จะมีอะไรกินพอให้คลายความหิว แก้ง่วงไปได้บ้าง
5. เรื่องของการทำประกันรถยนต์ที่มีบริการในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน เพราะถ้ารถยนต์เราเสียขึ้นมาแล้วเราสามารถที่จะโทรศัพท์ไปที่บริษัทประกันของเราได้เลย แล้วหลังจากนั้นก็เป็นในหน้าที่ของบริษัทประกันที่จะมาให้ความช่วยเหลือเรานั่นเอง
Comments
Post a Comment